ภาคธุรกิจต่าง ๆ ของ เศรษฐกิจอินเดีย

ภาคอุตสาหกรรมและการบริการ

อุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดียเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก[16][17] ในรูปคือรถทาทา นาโน ของทาทา มอเตอร์ส ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ถูกที่สุดในโลก[18]

อุตสาหกรรมมีขนาดเป็นร้อยละ 28 ของจีดีพี และมีการจ้างงานร้อยละ 14 ของจำนวนแรงงานทั้งหมด[19] แต่ประมาณ 1 ใน 3 ของแรงงานภาคอุตสาหกรรมเป็นเพียงแรงงานในอุตสาหกรรมครัวเรือนที่ไม่ซับซ้อน[20] เมื่อเทียบด้วยมูลค่าแล้ว ผลผลิตจากโรงงานของอินเดียนับเป็นอันดับที่ 16 ของโลก

การปฏิรูปเศรษฐกิจทำให้มีการแข่งขันจากต่างชาติ ทำให้เกิดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เปิดทางให้แก่เอกชนในธุรกิจที่แต่เดิมสงวนไว้ให้ภาครัฐและทำให้การผลิตสินค้าบริโภคขยายตัวอย่างรวดเร็ว[21] ภาคเอกชนของอินเดียเดิมมีลักษณะเป็นตลาดการแข่งขันน้อยรายที่บริหารโดยบริษัทครอบครัวเก่าแก่และอาศัยการมีเครือข่ายทางการเมืองเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ แต่หลังการเปิดเสรี บริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญจากการแข่งขันโดยบริษัทต่างชาติ รวมทั้งสินค้านำเข้าราคาถูกจากจีน ดังนั้นจึงต้องปรับตัวด้วยการลดต้นทุน ปรับปรุงการบริหาร มุ่งเน้นการออกแบบสินค้าใหม่ ๆ และพึ่งพาแรงงานราคาถูกและเทคโลยีมากขึ้น[22]

การผลิตสิ่งทอ เป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 2 รองจากการเกษตร และมีผลผลิตคิดเป็นร้อยละ 26 ของผลผลิตทั้งหมด[23] ลูเธียนาซึ่งถูกเรียกว่าเป็นแมนเชสเตอร์ของอินเดีย สามารถผลิตผ้าขนสัตว์ได้มากถึงร้อยละ 90 ของอินเดีย ติรุปุร์กลายเป็นที่รู้จักในนามของศูนย์รวมของถุงเท้า เสื้อผ้าถัก เสื้อผ้าลำลอง และเสื้อผ้ากีฬา[24] สลัมธาราวีในมุมไบเป็นที่รู้จักในเรื่องเครื่องหนัง ทาทา มอเตอร์ส พยายามสร้างรถทาทา นาโนให้เป็นรถที่ถูกที่สุดในโลก[18]

อินเดียอยู่ในอันดับที่ 15 ของผลผลิตจากภาคบริการ ซึ่งมีอัตราการจ้างงานร้อยละ 23 ของแรงงานทั้งหมด ภาคบริการมีการขยายตัวเร็วมากด้วยอัตราเติบโตร้อยละ 7.5 ระหว่างปี 2534-2543 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.5 ในระหว่างปี 2494-2523 และมีอัตราส่วนสูงที่สุดในจีดีพีของอินเดีย คือประมาณร้อยละ 55 ในปี 2550 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 15 ในปี 2493[19]

การบริการทางธุรกิจ (เทคโนโลยีสารสนเทศ, การจ้างทำกระบวนการธุรกิจ) เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุด โดยนับเป็นหนึ่งในสามของการบริการทั้งหมดในปี 2543 การเติบโตในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลมาจากการที่อินเดียมีความสามารถเฉพาะทางที่เพิ่มมากขึ้น บวกกับแรงงานจำนวนมากที่มีค่าแรงถูก แต่ความสามารถสูง มีการศึกษา และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งตรงกับความต้องการจากบริษัทต่างชาติที่สนใจในการส่งออกการบริการเหล่านี้ หรือบริษัทที่ต้องการจะจัดจ้างบุคคลภายนอก

อัตราส่วนของอุตสาหกรรมไอทีในอินเดียเมื่อเทียบกับจีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.8 ในปี 2548-2549 เป็นร้อยละ 7 ในปี 2551 [25][26] ในปี 2552 บริษัทอินเดีย 7 แห่งถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 15 บริษัทรับจ้างทางเทคโนโลยีชั้นนำของโลก[27] ในเดือนมีนาคม 2552 รายได้ประจำปีจากการรับจ้างทางธุรกิจมีจำนวนมากถึง 6 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ และมีการประมาณว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 2.25 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2563[28]

ธุรกิจค้าปลีกที่บริหารในรูปบริษัท เช่นซูเปอร์มาร์เก็ต มีจำนวนเป็นร้อยละ 24 ของตลาดทั้งหมดในปี 2551[29] มีกฎเกณฑ์หลายข้อที่ป้องกันต่างชาติไม่ให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจค้าปลีก นอกจากนี้ ร้านค้าจะต้องผ่านกฎหมายมากกว่า 30 ฉบับ เช่น “ใบอนุญาตป้าย” และ “มาตรการห้ามการกักตุน” ก่อนที่จะสามารถเปิดร้านได้ และยังมีภาษีที่เก็บเมื่อเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างรัฐ รวมทั้งภายในรัฐเองด้วย[29]

การท่องเที่ยวในอินเดียแม้ยังไม่ได้พัฒนาเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ แต่ก็เติบโตด้วยอัตราสองหลัก โรงพยาบาลหลายแห่งพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์[30]

การทำเหมืองแร่นับเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจอินเดีย อินเดียสามารถผลิตแร่ธาตุได้มากถึง 79 ชนิด (ไม่รวมทรัพยากรเชื้อเพลิงและพลังงานปรมาณู) ในปี 2552-2553 ซึ่งรวมทั้งแร่เหล็ก, แมงกานีส, ไมกา, บอกไซต์, โครไมต์, หินปูน, แร่ใยหิน, ฟลูโอไรต์, ยิปซัม, ดิน ochre, ฟอสฟอไรต์, และทรายซิลิกา[31]

ภาคเกษตรกรรม

อินเดียมีผลผลิตทางการเกษตรเป็นอันดับสองของโลก ภาคเกษตรกรรมและภาคที่เกี่ยวข้อง เช่นการป่าไม้ ประมง มีขนาดร้อยละ 15.7 ของจีดีพีในปี 2552-2553, มีอัตรส่วนการจ้างงานร้อยละ 52.1 ของแรงงานทั้งหมด และแม้อัตราส่วนของภาคเกษตรกรรมเมื่อเทียบกับจีดีพีจะมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ แต่ก็ยังคงเป็นภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของอินเดีย[32] ผลิตผลทางการเกษตรต่อหน่วยพื้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2493 เนื่องจากมีการให้เน้นย้ำเรื่องเกษตรกรรมในแผน 5 ปี ประกอบกับการพัฒนาด้านชลประทาน เทคโนโลยี การรับเอาการเกษตรรูปแบบใหม่ และการให้สินเชื่อและเงินสนับสนุนทางการเกษตรในช่วงการปฏิวัติเขียวในอินเดีย อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับระดับนานาชาติแล้ว ผลิตผลทางการเกษตรเฉลี่ยของอินเดียนับเป็นเพียงร้อยละ 30 ถึง 50 ของผลิตผลทางการเกษตรเฉลี่ยที่สูงที่สุดของโลกเท่านั้น[33]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เศรษฐกิจอินเดีย http://www.asiatradehub.com/india/intro.asp http://www.business-standard.com/bsonline/storypag... http://www.business-standard.com/india/news/pmeac-... http://www.citiindia.com/indian_overview.asp?pgnam... http://edition.cnn.com/2004/WORLD/asiapcf/09/03/in... http://www.domain-b.com/infotech/itnews/2006/20061... http://economist.com/displaystory.cfm?story_id=S%2... http://economist.com/displaystory.cfm?story_id=S%2... http://economist.com/displaystory.cfm?story_id=S%2... http://economist.com/displaystory.cfm?story_id=S')...